บทความ

บทที่ 5 การเดิมพัน

ทันใดนั้นเองหลินหมิงหยุดเคลื่อนไหว เกิดเสียงที่คมชัดดังออกมาจากในตรอกซอย “หึหึ ไม่คิดมาก่อนเลย แกเองก็ระมัดระวังตัวดีเหลือเกินนะ แกคือหลินหมิงใช่ไหม? “วัยรุ่นสวมชุดผ้าไหมค่อยๆเดินออกมาจากด้านหลังของหอพัก มีรอยยิ้มอย่างดูถูกบนใบหน้าของเขา ด้านหลังของเขามีชายห้าคนอายุประมาณสิบแปดปีตามมา พวกเขาทั้งห้าส่วนใหญ่อยู่ในขั้นแรกของฝึกฝนทางกายมีเพียงคนเดียวที่อยู่ในขั้นที่สองเช่นเดียวกับคนที่ใส่ชุดผ้าไหมคนแรกที่แสดงตัวออกมาก่อน ในสถานการณ์เช่นนี้จู่ๆหลินเซี่ยวตงก็ตื่นตระหนก เขาจำชายในชุดผ้าไหมได้ มันเป็นสมุนคนหนึ่งของจู้ยันที่เห็นในช่วงลงทะเบียนของสำนักเจ็ดแก่นแท้ ไม่ว่าใครก็บอกได้ว่ามันมาที่นี่เพื่อหาเรื่อง พวกเขามีทั้งหมดหก มีสองคนที่มีการฝึกฝนกายภาพขั้นที่สองและอีกสี่คนมีการฝึกผลกายภาพขั้นแรก สำหรับเขาและหลินตงพวกเขาทั้งสองเพียงระดับการฝึกฝนทางกายภาพขั้นแรก หากเกิดการการต่อสู้กันแล้วแน่นอนว่าพวกเขาจะจบลงด้วยการถูกทำร้ายฝ่ายเดียว วัยรุ่นในชุดผ้าไหมต้องเป็นนักสู้จากตระกูลที่มีฐานะอยู่บ้างในเมืองลิขิตฟ้า คนเหล่านี้มีทั้งพละกำลังและอำนาจ ขณะที่พวกเขาต้องเคารพกฏหมาย แต่คนพวกนี้มีเส้นสายสามารถรังแกห...

บทที่ 4 มรดกวรยุทธ

***ต่อจากนี้จะใช้คำว่า ขั้นผสานชีพชร แทน ขั้นควบแน่นชีพจร เพื่อความสละสลวยและความลื่นไหลในการอ่านนะครับ*** สำนักลิขิตฟ้ามีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเพียงสิบแปดปี ตรงข้ามกับสำนักเจ็ดแก่นแท้ที่ก่อตั้งโดยเจ็ดผู้เชี่ยวชาญจากสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่มีประวัติศาสตร์ความเป็นกว่าหกร้อยปีซึ่งมีมรดกทักษะมากมาย! ผู้ที่ฝึกมรดกวรยุทธ์จากสำนักลิขิตฟ้ามีความหวังเล็กๆน้อยๆ ที่บรรลุขั้นควบแน่นชีพจร แต่สำหรับสำนักเจ็ดแก่นแท้แล้ว ราวกับฟ้ากับเหว เพียงมีทักษะขั้นต้นระดับสี่ ก็สำเร็จขั้นผสานชีพจรได้อย่างง่ายดาย ด้วยแนวทางการฝึกที่ดีของสำนักเจ็ดแก่นแท้ ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำได้เกือบทุกคน! สำหรับหลินหมิงเขาแม้ไม่มีแนวการฝึกที่ดี แนวทางทั้งหมดของเขามีเป็นแนวทางการฝึกแบบ ‘มือใหม่’ ‘ ทุกวันเขาจะฝึกฝนโดยการเจาะลำต้นของต้นไม้และแร่เนื้อสัตว์นี่เป็นแนวทางการฝึกของหลินหมิง! ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวทางการฝึกขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง จากการฝึกหนักบ้าง จากงานต่างๆบ้าง ทีละขั้นๆจนกระทั่งเขาสำเร็จการฝึกฝนกายภายขั้นแรก! สำหรับเขามรดก วรยุทธเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง! หลินหมิงตื่นเต้นอย่างมากและเขาตะกละตะกลามที่จะศึกษาความรู้เกี่ยวกับมรด...

บทที่ 3 วิญญาณที่ไร้จิตสำนึก

หลินหมิงล้างหินด้วยนํ้าจากแม่นํ้า หลังจากลังเลใจอยู่พักหนึ่ง เขายกขวานที่วางอยู่บนพื้น และใช้ปลายด้านทู่ตีเบาๆ ลงบนหินทรงลูกบาศก์ หินยังคงสภาพสมบูรณ์โดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเดียวบนผิวของมัน ด้วยความคาดหวัง ความจริงที่ว่าหินก้อนนี้ยังคงเหมือนเดิมหลังจากที่ถูกกลืนกินโดยตัวนิ่มทองดำเป็นหลักฐานของความทนทานของมันอย่างไม่น่าเชื่อ หลินหมิงค่อยๆเพิ่มความนํ้าหนัก ที่ในการทุบขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดขวานก็เกิดรอยร้าว โดยที่ไม่ได้มีเป็นความผิดปกติบนก้อนลูกบาศก์แม้แต่น้อย ให้ตายเถอะ!! หลินหมิงตะลึง เขาคาดว่าหินแข็งแกร่ง แต่ใครจะคาดว่ามันจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มันถูกสร้างขึ้นอย่างไรกัน? หลินหมิงไม่ได้มาซึ่งคำตอบ หินก้อนนี้มีรูปร่างของมันแปลกเกินไป บางทีต้นแบบในการสร้างหินก้อนนี้อาจใช้วัสดุที่มีความทนทานสูงบางอย่าง เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ หลินหมิงตัดสินใจโยนมันเข้ากระเป๋า แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรเขาก็ยังคงสามารถใช้มันในการตกแต่งได้ หลังจากเก็บเครื่องมือเสร็จ หลินหมิงมุ่งหน้าไปศาลาจันทร์กระจ่างได้เตรียมไว้ให้เขาและจากนั้นก็เข้าสู่การพักผ่อนของเขา หลังจากฝึกหมัดของเขาทั้งยังแร่เนื้อติดกันตลอดสอง...

บทที่ 2 ศิลาลึกลับ

ตอนนี้จะแปลออกมาแย่นิดนึงนะครับ แปลตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้วไม่ได้กลับมาแก้ไขซะที ขอโทษด้วยนะครับ ตอนอื่นๆจะดีว่านี้ครับ “พี่หมิง,พี่เป็นผู้รู้อย่างแท้จริง!” หลินเซี่ยวตงว่ากล่าวอย่างออกรสขณะที่พวกเขาเดินลงไปที่ถนน หลินหมิงยังคงเงียบสงบ สิ่งที่เขาได้กล่าวฟังดูที่ยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ แต่มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะแซงจู้ยัน ปริมาณของความพยายามที่เขาจะต้องใช้นั้นมหาศาล เขาไม่มีความกลัวในการทำงานหนักหรือขมขื่นแต่อย่างใด แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถกล่าวว่าสำหรับการบาดเจ็บภายใน สมุนไพรเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษาผู้บาดเจ็บและยารักษาโรคเหล่านั้นมีราคาแพงอย่างไม่ต้องสงสัย หลินเซี่ยวตงเองก็สามารถที่จะคาดเดาสิ่งที่หลินหมิงคิดและพูดว่า “พี่หมิงทั้งหมดที่พี่ต้องทำคือการฝึกซ้อมอย่างหนัก ส่วนทางด้านการเงินข้าคอยจะสนับสนุนพี่เอง เพียงแค่มีความมั่นใจในตัวเอง,แม้ว่าตำแหน่งของคุณปู่ของข้าในครอบครัวอาจไม่ได้สูงส่งแต่ก็ยังคงไม่มีอะไรที่จะเย้ยหยันได้ แค่เพียงไม่กี่ร้อยเหรียญทองคงไม่ได้สำคัญสำหรับเขา ” หลินหมิงหยุดเดินและหันไปรอบๆ ก่อนที่จะเผชิญกับหลินเซี่ยวตง ในชีวิตมีเพื่อนหลายคนที่เป็นธรรม แต่ผู้ที...

บทที่ 1 หลินหมิง

บทที่ 1 หลินหมิง ในอาณาจักรลิขิตฟ้า มีสำนักเจ็ดแก่นแท้ซึ่งถูกก่อตั้งโดยปรมาจารย์จากหุบเขาเจ็ดแก่นแท้ สำนักต่อสู้แห่งนี้สือทอดวิชาต่อสู้โบราณมายาวนานกว่า600ปี สำนักเจ็ดแก่นแท้เป็นสำนักต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่สำนักแห่งนี้จะเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของเหล่าหนุ่มสาว ทว่าผู้ที่จะผ่านการทดสอบของสำนักและเข้ามาฝึกฝนในสำนักแห่งนี้ได้ก็ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถสูงส่งเช่นกัน กล่าวได้ว่ามีเด็กเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้นที่จะสามารถผ่านการทดสอบไปได้ แสงแดดสาดส่องไปทั่วภูเขาโจว เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ในป่าบนภูเขาลูกนั้น เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าและมองไปที่ต้นไม้ใหญ่ เขาปล่อยหมัดซํ้าแล้วซํ้าอีกใส่ต้นไม้อย่างรุนแรง “ปึง” “ปึง!” เสียงสะท้อนดังก้องกังวานไปทั่ว เปลือกไม้ยุบลงไปเล็กน้อยและเผยให้เห็นรอยเลือดที่ติดอยู่บนผิวของเปลือกไม้ ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่าหลินหมิง เขาเป็นนักสู้ที่มีพรสวรรค์ระดับสาม ในอาณาจักรลิขิตฟ้า ผู้คนกว่าครึ่งหนึ่งไม่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ ส่วนอีก40%จะมีพรสวรรค์ระดับหนึ่ง และแม้พวกเขาจะฝึกฝนการต่อสู้ก็ไม่อาจจะพัฒนาไปได้ไกลซักเท่าไร อีก9%จะมีพรสวรรค์ระดับสอง ...