บทที่ 2 ศิลาลึกลับ
ตอนนี้จะแปลออกมาแย่นิดนึงนะครับ แปลตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้วไม่ได้กลับมาแก้ไขซะที ขอโทษด้วยนะครับ ตอนอื่นๆจะดีว่านี้ครับ
“พี่หมิง,พี่เป็นผู้รู้อย่างแท้จริง!” หลินเซี่ยวตงว่ากล่าวอย่างออกรสขณะที่พวกเขาเดินลงไปที่ถนน
หลินหมิงยังคงเงียบสงบ สิ่งที่เขาได้กล่าวฟังดูที่ยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ แต่มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะแซงจู้ยัน ปริมาณของความพยายามที่เขาจะต้องใช้นั้นมหาศาล
เขาไม่มีความกลัวในการทำงานหนักหรือขมขื่นแต่อย่างใด แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถกล่าวว่าสำหรับการบาดเจ็บภายใน สมุนไพรเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษาผู้บาดเจ็บและยารักษาโรคเหล่านั้นมีราคาแพงอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินเซี่ยวตงเองก็สามารถที่จะคาดเดาสิ่งที่หลินหมิงคิดและพูดว่า “พี่หมิงทั้งหมดที่พี่ต้องทำคือการฝึกซ้อมอย่างหนัก ส่วนทางด้านการเงินข้าคอยจะสนับสนุนพี่เอง เพียงแค่มีความมั่นใจในตัวเอง,แม้ว่าตำแหน่งของคุณปู่ของข้าในครอบครัวอาจไม่ได้สูงส่งแต่ก็ยังคงไม่มีอะไรที่จะเย้ยหยันได้ แค่เพียงไม่กี่ร้อยเหรียญทองคงไม่ได้สำคัญสำหรับเขา ”
หลินหมิงหยุดเดินและหันไปรอบๆ ก่อนที่จะเผชิญกับหลินเซี่ยวตง ในชีวิตมีเพื่อนหลายคนที่เป็นธรรม แต่ผู้ที่จะให้ความช่วยเหลือเขาในเวลาที่เขาต้องการนั้นหาได้ยาก ถึงแม้ระหว่างพี่น้องการขอบคุณอาจไม่จำเป็น แต่หลินหมิงยังคงหยุดและพูดด้วยนํ้าเสียงจริงจัง “เซี่ยวตง, ขอบคุณมาก”
“พอแค่นั้นเถอะ เพียงเท่านี้ก็มากเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนที่แสวงหามากในชีวิต การสอบเข้าสำนักเจ็ดแก่นแท้เป็นเพียงวิธีการที่จะปกป้องชื่อเสียงของพ่อข้า พี่หมิง, ข้าจะเดิมพันในตัวพี่ หลังจากที่พี่ได้กลายเป็นเสาหลักในอนาคตพี่จะต้องช่วยให้คนอื่นเทิดทูนข้าสักหน่อยฮ่า ๆ ๆ ๆ . ”
หลินหมิงยิ้มและหัวเราะ “แน่นอน! กับน้องชายอย่างเจ้า แน่นอนข้าเองก็ต้องอดทนในวิถีการแห่งต่อสู้. ”
เมื่อหลินหมิงกลับไปยังสถานที่ที่อยู่อาศัยของเขามันเป็นตอนเย็นแล้ว ห้องพักนี้เป็นห้องหนึ่งที่เคยถูกเปิดให้เช่า ในช่วงเวลานี้ตั้งแต่วันที่สำนักเจ็ดแก่นแท้เริ่มลงทะเบียนสำหรับการประเมินเข้าจนกว่าจะถึงวันของการประเมินตนทุกสถานที่ที่อยู่อาศัยภายในเมืองลิขิตนภา จะได้รับการบริการอย่างเต็มรูปแบบ อัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง ดังนั้นผู้สมัครจำนวนมากจะเลือกที่จะเช่าห้องพักที่อยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ถูกๆเอาเสียเลย
หลินหมิงได้เช่าห้องเดี่ยวเพียงสิบตารางเมตรในพื้นที่ที่ดูเรียบง่าย ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มต้นการทำสมาธิของเขาบนที่นอนมีคนมาเคาะประตู
หลินหมิงเปิดประตูเพื่อดูเจ้าของที่พักที่เป็นหญิงยืนอยู่ที่นั่น เจ้าของที่พักเป็นผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบปีที่มีร่างกายที่ค่อนข้างอ้วน ใบหน้าของเจ้าของที่พักแลดูรุนแรง แต่วันนี้เธอกำลังหยอกรอยยิ้มที่ดูน่ารื่นรมย์ก่อให้หลินหมิงจะรู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างผิดปกติ
“เจ้าของที่พัก ท่านมีอะไร?”
“นี่ … ท่านผู้เช่าข้าขอโทษ แต่เจ้าโปรดออกไปจากห้องนี้”.
“หะ?” หลินหมิงขมวดคิ้ว “ทำไม?”
“หึหึขอโทษนะ แต่ข้าได้เช่าห้องนี้แล้ว” เสียงอันรุนแรงของชายหนุ่มดังขึ้นมาขัดจังหวะ หลินหมิงหันไปรอบๆ และพบว่าคนที่มีใสต่างหูลิงขนาดใหญ่มาด้วยเดินมาจากห้องโถง ชายคนนี้ยิ้มในลักษณะที่ดูเหมือนขี้เล่น
เมื่อมองดูเขา หลินหมิงก็รู้ได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในลูกน้องที่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของจู้ยันพร้อมชายหนุ่มคนอื่นๆ ชายหนุ่มคนอื่นๆ ก็ยังคงเงียบเพียงมองไปที่หลินหมิงและหลินเซี่ยวตงด้วยท่าทีแสดงออกถึงการดูถูก
ไม่มีข้อสงสัย เขาต้องผู้ที่กำลังพยายามหาความดีความชอบจากจู้ยันด้วยการส่งสมุนของเขาเองมาสร้างปัญหาให้หลินหมิง ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็มีแค่เพิ่มค่าเช่าให้สูงขึ้นหลายเท่า เป็นธรรมดาที่เจ้าของที่พักจะบังคับไล่ให้เขาออกไป
ปัจจุบันสำนักเจ็ดแก่นแท้จัดงานลงทะเบียนที่นำไปสู่ความยากลำบากในการค้นหาสถานที่พักอาศัย การจะหาสถานที่อื่นเช่าเป็นเรื่องยาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าสมุนของจู้ยันจะไม่ตามไปก่อปัญหาให้เขาอีก
ใบหน้าหลินหมิงหนักแน่นและเขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่เจ้าของที่พัก “ตอนนั้นพวกเราได้เห็นพ้องกันว่าข้าจะได้เช่าเป็นเวลาห้าเดือน ข้าได้จ่ายเงินเป็นค่าเช่าห้าเดือนล่วงหน้าไปแล้ว ปัจจุบันยังคงมีเวลาอีกสามเดือนจนกว่าจะหมดสัญญา แต่เจ้าต้องการให้ข้าไปออกตอนนี้อย่างงั้นหรอ ”
เจ้าของที่พักหญิงยิ้มขอโทษ “นี่ … ธรรมดาที่ข้าจะตระหนักถึงเรื่องนี้และวิธีจัดการกับเรื่องนี้ เข้าจะคือเช่าสำหรับสามเดือนกลับคือให้เจ้าซะ ? ”
“อ่า! คืนค่าเช่าสามเดือน ‘? ช่างมีจิตใจเที่ยงธรรมซะเหลือเกิน! “ความโกรธหลินหมิงเริ่มเดือดขั้น หากเจ้าของที่พักนี้ถูกบังคับให้ขับไล่เขาเนื่องจากการกดดันของบุคคลอื่นแล้วหลินหมิงก็จะยอม แต่การกระทำของมันในปัจจุบันและคำพูดของมันที่ได้ทำให้เขาโกรธ
“เฮ้พวกเราพูดถึงการจ่ายคืน พวกเราได้พูดคุยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่ได้ลงนามลายลักษณ์อักษรในสัญญาไว้เป็นหลักฐาน สิทธ์ในการเลือกคนเช่ามันขึ้นอยู่กับข้าเท่านั้น! “เมื่อพิจารณาสถานะเมืองลิขิตฟ้าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรทั้งหมดเจ้าของทรัพย์สินที่นี่มีความรู้สึกในจิตใต้สำนึกที่เหนือกว่ากับพวกเขาทุกคนที่มาจากภายนอก พวกเขาจะมองลงมาในขณะที่พูดในโทนของความรังเกียจ นอกจากนี้ชายคนที่อยู่ข้างๆเธอเห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ส่งมาจากครอบครัวที่รํ่ารวยและมีฐานะดี เมื่อมีใครบางคนเช่นนี้สนับสนุนมัน เจ้าของที่พักจึงมีความกล้าหาญมากขึ้น
ตอนนี้คนที่มีลิงก็หัวเราะออกมาอย่างวางท่า “ถ้าแกเป็นยอมรับและออกไปในทันที ข้าจะบอกอะไรแกอย่างหนึ่ง ไม่ว่าแกจะจัดการหาสถานที่อื่นเช่าข้าก็จะยังคงสามารถที่จะไปไล่แกออกอยู่ดี ภายในสามเดือนก่อนการประเมินเข้าสำนักเจ็ดแก่นแท้จะเริ่มต้นแกก็ควรจะไปนอนหลับอยู่บนถนนฮ่าฮ่า! ”
สำหรับผู้ที่เกิดในตระกูลของชนชั้นสูงมันเป็นเพียงธรรมชาติสำหรับพวกเขาที่จะสร้างความรู้สึกที่เหนือกว่าและหยิ่ง อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาได้แสดงความเย่อหยิ่งของพวกเขาพวกเขาจะยังคงรักษาท่าทีในการพูดกับคนอย่างจู้ยัน คนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าได้เผยให้เห็นรูปแบบที่เปลือยเปล่าของความเย่อหยิ่งของผู้ที่จะรังเกียดบางคนเพราะคนอื่นรังเกียด
หลินหมิงจ้องมองมาที่คนที่ใสต่างหูลิง ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสายตาที่เย็นชาอย่างไม่สนใจช่วงเวลาที่ผ่านมา
“มองหาอะไรของแก? กำลังคิดจะสู้กับข้า? จะบอกอะไรให้นะ นายน้อยของข้าเป็นลูกคนที่สองของแม่ทัพแห่งเมืองลิขิตฟ้า ถ้าแกกล้าทำร้ายข้า เขาจะต้อง … ”
“ไปซะ!” หลินหมิงตะโกนและออกหมัดอย่างรุนแรงใส่ไปที่จมูกของมัน “ปัก” มันลอยออกไปด้วยเสียงกระแทก หลังจากนั้นชายคนนั้นพูดบนกองเศษเฟอร์นิเจอร์ที่หักและกระถาง ผมของเขากระเซิงและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหยดเลือด
ด้วยความสามารถของหมัดที่สะเทือนต้นไม้เหล็กได้ คนที่หลงโดนเข้าไปเต็มที่หน้า ผลที่ได้รับอาจคิดไม่ถึง จมูกของชายคนนั้นทั้งหมดจมเข้าไป
กลายเป็นเจ้าของที่พักหญิงที่ตกใจ ดวงตาของมันโป่งออกก่อนที่จู่ๆ ก็ตะโกนออกมาอย่างน่าสังเวช “ช่วยด้วย! ฆาตกรรม! ”
เจ้าของที่ดินหญิงรีบหนีออกไป แต่ด้วยขาที่เต็มไปด้วยไขมันของมันจึงไม่สามารถที่จะไปได้ไกลนักและมันล้มลงบนพื้นดัง”พร็อบ”
หลินหมิงก้าวไปหาคนที่ใส่ต่างหูลิง แม้ว่าขั้นตอนแรกของการฝึกอบรมทางกายภาพเป็นเพียงดินแดนเริ่มต้นของการต่อสู้มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ค่า หลังจากที่คนจำนวนมากที่อยู่ในอาณาจักรลิขิตฟ้า ไม่สามารถที่จะฝึกอบรมในศิลปะการต่อสู้ ในทางกลับกันหลินหมิงที่มีความสามารถที่ดีที่ขั้นเริ่มต้น นอกจากนี้เขายังฝึกหนักอย่างมาก ในหนึ่งพันคนที่มีความสามารถระดับเดียวกับเขา ก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่มีซักคนที่มีความแข็งแรงเท่าเขา ใน
ฐานะที่ชายคนนี้เขาเป็นเพียงลูกสมุนและไม่ได้ใช้ความพยายามมากสำหรับหลินหมิงที่จะจัดการกับเขา
มันเก็บเสียครางเอาไว้อย่างไม่เคยคิดว่าหลินหมิงจะกล้าทำเช่นนี้ มันยกนิ้วเปื้อนเลือดและชี้ไปที่หลินหมิง “แก … แกกล้าทำร้ายข้า… แกเสร็จแน่”
“ข้าไม่รู้สิ่งใดจะเกิดขึ้นกับข้า แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเสร็จไปแล้ว” หลินหมิงเตะไปที่หน้าท้องของชายคนนั้นทำให้มันร้องไห้ออกมาอย่างน่าสังเวช อีกครั้งและอีกครั้ง เวลานี้ยากจะผ่านประตูออกไปและจบลงด้วยการถูกเตะออกไป
หลินหมิงไม่ได้พูดอะไร เขากลับไปที่ห้องของเขาและเก็บข้าวของของเขาและเริ่มที่จะจากไป บ้านทั้งหลังพังเละทำให้เจ้าของที่พักเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ มันกล่าวว่าเหนียม “แก …แกจะไปอย่างนั้นไม่ได้ … แก … แกต้องชดใช้.”
หลินหมิงหยุดเดินเขาหันกลับมาเผชิญกับเจ้าของที่ล้มลงบนพื้นเหมือนก้อนเนื้อ เขาถาม. “ชดใช้?”
“ชดใช้ แกต้องชดใช้ … … ” เสียงของเจ้าของที่พักเริ่มสูญเสียความแข็งแรง มันรู้สึกราวกับว่าสายตาของชายหนุ่มคนที่เธอเห็นเป็นเหมือนหน้าต่างเข้าไปสู่เหวนรกที่ทำให้เธอตัวสั่น
โดยไม่ได้พูดอะไร หลินหมิงเจาะผนังด้วยกำปั้นของเขาทะลุผ่านกำแพงอิฐของบ้านทำให้บ้านทั้งหลังสั่นและเกิดฝุ่นละอองจะตกมาจากเพดาน เจ้าของที่พักกรีดร้องออกมาและเป็นลมไป
หลินหมิงสะพายกระเป๋าเดินทางของเขาและเดินออกจากบ้านโดยไม่เหลี่ยวแลคนที่เป็นลม
หลินหมิงก็รู้ดีว่าหลังจากที่จัดการชายคนนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปและแน่นอนว่าจะนำพาปัญหามาให้ แต่หลินหมิงก็ไม่มีความเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป
ในฐานะที่เป็นคน จำเป็นที่จะต้องอดทน ถ้าคนที่มาในวันนี้มีศิลปะการต่อสู้ หลินหมิงจะไม่ทำอะไรเขาทำและจะได้เลือกที่จะทน การสูญเสียนี้เป็นสิ่งคนหนึ่งที่จะต้องทน อย่างไรก็ตามการปรากฏออกมาก่อนของสมุนไร้ค่าคนหนึ่งที่ได้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของเจ้านายของมัน หากหลินหมิงต้องทนสิ่งที่มันผู้นั้นได้กล่าวแล้วสิ่งที่เป็นจุดประสงค์แห่งวิถีการต่อสู้จะเหลืออะไร?
มันเป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้กับวิธีการต่อสู้ภายในหัวใจของหลินหมิง
ดังนั้นหลินหมิง เลือกไปอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง หลังจากที่ในขณะที่เขาสะพายกระเป๋าเป้บนหลังของเขาและเริ่มการพิจารณาวิธีการที่จะแก้ปัญหาเรื่องอยู่อาศัยของเขา ณ ตอนนี้ที่พักขนาดเล็กทั้งหมดต่างก็เต็มหมดแล้ว นอกจากนี้ราคาก็ยังเป็นราคาที่แพงเกินไปสำหรับเขา แม้จะไม่มีใครคัดค้านหากเขาจะหลับนอนในป่า หลินเซี่ยวตงอาจจะเอะอะโวยวายและยืนยันที่จะนำเขาไปอยู่ด้วย
หากหลินหมิงทำเช่นนั้นและลูกชายคนที่สองของชายคนนั้นส่งกองทัพมา อาจทำให้หลินเซี่ยวตงเองไม่สามารถอยู่อย่างเป็นสุขในบ้านของเขา เขาอาจยังต้องมาหลับนอนอยู่บนท้องถนนพร้อมกับหลินหมิง
ยิ่งกว่านั้น หลินหมิงอาจเป็นตัวปัญหาที่อันตราย ไม่มีการรับประกันว่าลูกชายคนที่สองของมันจะไม่ส่งกองทัพอันธพาลมา ในสายตาของคนเหล่านี้ที่มองคนอื่นๆ การทำให้กลายเป็นคนพิการไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย หลินหมิงไม่ได้ต้องการที่จะนำเรื่องเช่นนี้มาเป็นปัญหาให้หลินเซี่ยวตง
เมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วเขาจะไปที่ไหน?
หลังจากใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้ในที่สุดหลินหมิงคิดได้สถานที่ -นั้นคือ สถานประกอบการอาหารที่หรูหราที่สุดในเมืองลิขิตฟ้า – ศาลาจันทร์กระจ่าง
ที่ศาลาจันทร์กระจ่างมีทั้งหมดลูกค้าชั้นสูงส่ง พวกเขานั้นมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยเช่นฐานะที่แข็งแกร่งนั้น การเป็นลูกชายคนที่สองที่เป็นกองทัพกลาโหมไม่สามารถทำอะไรได้
เหตุผลหลินหมิงเลือกที่จะไปศาลาจันทร์กระจ่างนั้นเห็นได้ชัดว่าจะเขาจะไม่จ่ายเงินในการเช่าสถานที่พัก เขากำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อหางานทำ พ่อแม่หลินหมิงทำงานร้านอาหารทำให้หลินหมิงจะสามารถปรุงรสชาติอาหารของเขาออกมาได้ดีมากเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้มั่นใจพอที่จะคิดว่าเขาสามารถแข่งขันกับพ่อครัวผู้ที่อยู่ในเมืองลิขิตฟ้าได้ เพราะความชอบของเขาไม่ได้อยู่ในเรื่องการปรุงอาหาร …
…
ศาลาจันทร์กระจ่างยังคงสว่างสดใสในขณะที่หลินหมิงมาถึง มันเป็นสถานประกอบการที่มีธุรกิจที่ดีที่สุดในเมืองลิขิตฟ้า
หลินหมิงในชุดที่เป็นธรรมดาเกินไป ทำให้ทุกคนที่เห็นเขาเดินเข้าสู่สถานประกอบการ มองไปที่เขาด้วยสีหน้าแปลกใจ คนที่มีใส่เสื้อผ้าเช่นนั้นมักจะไม่อาจที่รับประทานในศาลาจันทร์กระจ่างนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ว่าหลินหมิงเป็นเด็กวัยสิบห้าปี
แต่พวกบริกรก็ยังทำตัวเป็นกันเองกับเขาแล้วเดินมาถามถาม “น้องชายตัวน้อย หลงกับพ่อแม่หรือป่าว?”
หลินหมิงส่ายหัวและตอบว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อหางาน.”
ได้ยินดังนั้นบริกรก็ขมวดคิ้ว ด้วยงานของพวกเขา เด็กสิบห้าปีจะทำได้อย่างไร นี่ต้องการสาวงามอายุอย่างน้อยสิบแปดปีหรือหนุ่มหล่อที่มีอายุอย่างน้อยยี่สิบปีในฐานะที่เป็นผู้ช่วยปรุงอาหาร เด็กสิบห้าปีสามารถปรุงอาหารอะไรได้?
“ไปให้พ้นอย่าก่อให้เกิดความวุ่นวายที่นี่” บริกรโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์
“ข้าสามารถทำงานได้เพียงแค่ให้ข้าเข้าไปในห้องครัว”
บริกรถามอย่างหัวเสีย “อย่างเจ้าจะไปทำอะไรได้?”
หลินหมิงยิ้มและตอบว่า “หั่นเนื้อไร้กระดูก”
“มันคืออะไร” กลายเป็นบริกรที่ตะลึง
การหั่นเนื้อไร้กระดูก เป็นเส้นทางการทำอาหารอย่างหนึ่งและไม่ได้ทุกร้านอาหารจะทำได้ งานนี้ต้องตัดแต่งเนื้อเป็นชิ้นขณะที่ถอดออกจากกระดูก
การตัดแต่งเนื้อเมื่อชำนาญจะตัดเนื้อวัวได้อย่างง่ายดายและด้วยทักษะการตัดแต่งเนื้อนี้ยังเมื่อใช้กับเนื้อวัวกว่าจะจำเป็นต้องเปลี่ยนมีดอาจใช้เวลาเป็นปีๆ สำหรับบางคนการตัดเนื้อวัว
จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนมีดของพวกเขาในทุกๆเดือน นอกจากยังอาจต้องใช้เวลานานถึงครึ่งวันสำหรับวัวตัวหนึ่ง
สำหรับจันทร์กระจ่างวัตถุดิบของพวกเขาไม่ได้ใช่เนื้อวัว แต่เป็นเนื้อสัตว์ดุร้าย เนื้อของสัตว์ดุร้ายอร่อยมาก เป็นที่ต้องการลิ้มลองของผู้คน, ผิวหนัง กระดูกและเส้นเอ็นจะเหนี่ยวเป็นพิเศษ คนธรรมดาจะต้องเสียเวลาอันยาวนานเพียงเพื่อตัดมันออกเป็นส่วนๆ ในทางกลับกันผู้มีศิลปะการต่อสู้ก็ไม่เต็มใจที่จะลดตัวมาทำงานเช่นนี้ แม้ว่าพวกเขายินดีที่จะทำ คนที่ไม่เข้าใจเรื่องของกล้ามเนื้อ กระดูกและเส้นเอ็นทั้งสามเรื่องจะไม่สามารถที่จะทำมันได้ หากใช้ความแข็งแรงเพียงอย่างเดียวเดียวในกระบวนการตัดขึ้นจะทำให้เกิดการสูญเสียรสแห่งความชาติอร่อย
การหั่นเนื้อไร้กระดูกคือวิธีหนึ่งที่หลินหมิงได้นำมาเป็นพื้นฐานของการต่อสู้ ภายในร้านอาหารของพ่อแม่ เขาได้รับการฝึกฝนตัวเองในกระบวนการหั่นเนื้อไร้กระดูกทุกวันเป็นเวลากว่าสิบปี
มันเป็นงานที่เหนื่อยมาก! หลินหมิงไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะในวิธีการต่อสู้ ทั้งหมดที่เขาทำได้ดังปัจจุบันเพราะการฝึกอย่างหนักของเขาเองและการฝึกทบทวนอย่างต่อเนื่องซํ้าแล้วซํ้าอีก นั่นคือวิธีที่เขาทำเพื่อสร้างรากฐานการต่อสู้ให้เป็นจุดแข็งของเขา ด้วยการจับมีดเฉือน เฉือน เฉือนซํ้าแล้วซํ้าอีกภายในห้องครัว
ขณะนี้บริกรนั้นไม่สามารถที่จะไล่หลินหมิงออกไปได้อีก และได้นำเขาไปยังห้องครัว …
“พี่สาวลาน น้องชายคนเล็กนี้ต้องการที่จะเป็นคนงานแร่เนื้อ”
“คนงานแร่เนื้อ?” ภายในห้องครัวขอศาลาจันทร์กระจ่าง มีผู้หญิงสาวสวยในวัยยี่สิบ เธอสวมใส่ชุดสวยมองมาที่หลินหมิง สังเกตเสื้อผ้าธรรมดาบนร่างกายและกระเป๋าเป้สะพายบนหลังของเขา ให้ความรู้สึกดังเช่นผู้ลี้ภัย เธอขมวดคิ้ว จากนั้นเธอก็พูดในลักษณะที่ไม่พอใจต่อการบริกรที่นำหลินหมิงมา “เจ้ากำลังทำอะไร บังอาจนำใครเข้ามาในห้องครัว ดงซึย ให้เงินมันซักหน่อยและไล่เขามันไปซะ ”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวงามผู้นี้เห็นว่าหลินหมิงเป็นแค่เด็ก ในฐานะที่เป็นบริกรเมื่อถูกตำหนิใบหน้าของเขาก็ขมขื่น ตามความเป็นจริงเขาได้พยายามที่จะผลักดันหลินหมิงออก แต่เมื่อค้นพบว่าหลินหมิงดูเหมือนจะแข็งแรงและใช้งานได้
ชายหนุ่มจึงพยายามพาหลินหมิงออกไป อย่างไรก็ตามในขณะนี้เขาก็รู้สึกว่ามือของเขาไม่มีแรงพอจะทำได้ เขาจ้องมองในมือหลินหมิงด้วยความสับสน มือนั้นได้ถือมีดของเขาไว้อย่างเหนี่ยวแน่น
ก่อนที่ชายคนที่ชื่อดงซึย สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นหลินหมิงกล่าวว่า “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอเงิน พี่สาวยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจหลังจากได้เห็นฝีมือของข้า ”
หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปรากฏว่านี้เด็กน้อยมีประสบการณ์บางอย่างในฝีมือการทำอาหาร เธอมองไปดงซึยและกล่าวว่า “ไร้ประโยชน์เสียจริง เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับเด็กน้อย ไปที่โกดังและนำเนื้อหมูยักษ์มา “หลังจากนั้นเธอหันไปที่หลินหมิงและกล่าวว่า “ถ้าเจ้าสามารถทำเสร็จได้ในช่วงครึ่งชั่วโมงยาม (1 ชั่วโมง) แล้วข้าจะช่วยให้เจ้าได้ที่อยู่ในศาลาจันทร์กระจ่าง”
ดงซึย รู้ว่าเขาเสียหน้าและรีบประเจิดประเจ้อไปนำหมูขนาดยักษ์มา แต่หลินหมิงเขาขัดจังหวะ “ไม่จำเป็นผมจะแสดงให้ดูกับเนื้อชนิดอื่น”
หลินหมิงกล่าวว่าในขณะที่เขาชี้ไปที่ส่วนสิ่งมีชีวิตสายพันธ์มังกร
หญิงสาวประหลาดใจ เนื้อมังกรสัตว์ดุร้ายสัตว์ระดับสอง ชั้นของร่างกายจะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อเหล่านี้เป็นแข็งแกร่งอย่างมากและสามารถต้านทานการโจมตีปกติด้วยดาบได้ อย่างไรก็หากใส่สมุนไพรบางอย่างต้มเนื้อให้เดือดปุดๆ สามวันสามคืนจะได้ซุปที่มีรสชาติอร่อย
สำหรับเนื้อสัตว์ดุร้ายเช่นนั้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ก็ยากที่จะตัดมัน เด็กคนนี้บ้าไปแล้ว
“ล้อเล่นอะไรของเจ้า? นี้เนื้อมังกรเป็นมูลค่ากว่าร้อยเหรียญทอง เจ้าต้องตกลงที่จะจ่ายเงินให้ข้าถ้าหากว่าเจ้าทำมันเสียหาย “ดงซึย พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ เขายังคงไม่สบายใจที่หลินหมิงมีมีดของเขา
หญิงสาวตะคอกออกมา”ถ้าข้าให้เจ้าทำลายมัน, เจ้าคิดว่าเจ้ามีวิธีที่จะทำลายมันได้?”
ดงซึยก็พบว่าตัวเขาเองไร้ประโยชน์ที่จะพูด เนื้อมังกรไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับหมู, วัวหรือแกะ คนธรรมดาจะไม่สามารถที่จะทำลายเกล็ดของมันได้ แม้จะใช้มีดมันก็ไม่ใช่สิ่งที่คนปกติสามารถจะกระทำได้
หญิงคนนั้นหันไปเผชิญหน้าหลินหมิงและกล่าวว่า “ข้าจะให้เจ้าได้ลงมือ!”
หลินหมิงพยักหน้าและหยิบมีดแร่เนื้อที่ดีที่สุดในห้องครัว เขาเคยได้ผ่าครึ่งเนื้อมังกรเพียงสองครั้ง; ทั้งสองครั้งเกิดขึ้นในช่วงวันเกิดของบุคคลสำคัญในตระกูลหลิน หลังจากนั้นเนื้อดุร้ายสัตว์ไม่ได้ยากที่คนทั่วไปสามารถจะหาซื้อได้
หลินหมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ลูบเกล็ดของมังกรอย่างระมัดระวัง รับรู้ถึงตำแหน่งของหลอดเลือดดำของมัน กระบวนการนี้เกิดขึ้นในเวลาธูปไหม้หมดดอก ในใจของเขาเขากลายแผนภาพของหลอดเลือดดำที่เปรียบเสมือนเป็นลายบนฝ่ามือของเขาเอง ก่อนจะยืนยันว่ามันจะถูกต้อง
ในขณะที่รอ บางคนถึงกับทนไม่ไหวและถามในที่สุด “เจ้ากำลังทำอะไร? ทำไมคุณลงมือเสียที? ”
“หยุดทำลับๆล่อๆและลงมือตัดมันซะ”
มันเป็นเพียงธรรมดาที่คนเหล่านี้ก็จะรอไม่ไหว วัยรุ่นสิบห้าปีที่อ้างว่าสามารถแร่เนื้อสัตว์ดุร้ายระดับสอง มันจะดูเหมือนจะเป็นการเล่นตลกกับพวกเขา
หลินหมิงได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาหยิบมีดขึ้นมา ตาของเขากลายเป็นที่มุ่งเน้นมากด้วยสามธิ สำหรับเขาแล้วกระบวนการ แร่เนื้อได้เทียบเท่ากับการฝึกอย่างหนึ่ง
หลังจากที่แน่ใจในแผนภาพของหลอดเลือดดำแล้ว ในที่สุดก็เริ่มลงมือ เขาไม่ได้ใช้ขวานหรือใบมีดขนาดใหญ่ เขาเพียงใช้แค่มีธรรมดาควงไปมา
ในมือของหลินหมิง มีดธรรมดานี้กลายเป็นอาวุธที่คมเป็นพิเศษ มีดพุ่งลงมาและเนื้อมังกรสัตว์ถูกตัดออกจากกัน!
เมื่อได้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ บุคคลเคยที่ได้พูดกล่าวหาเงียบไปในทันที ด้วยความสำเร็จนี้เพียงอย่างเดียวจะต้องมีความแข็งแรงข้อมืออย่างน้อยสามร้อยจิน (181.4 กิโลกรัม) สำหรับพวกเขาการนี้ปกติจำเป็นจะต้องใช้ทั้งขวานและเลื่อย
ใบมีดตัดผ่านช่องว่างในหลอดเลือดดำ ตัดผ่านมันไปได้อย่างราบรื่นราวกับว่าเขาได้ตัดผ่านกระดาษอยู่ ทุกคนจะสามารถได้ยินเสียง”ชูว ชูว ” ก่อนจะพบกล้ามเนื้อมังกรสีขาว
เมื่อมองดูวิธีการที่ง่ายดายของหลินหมิงที่ คนที่ถูกเรียกว่าดงซึย ลูบตาของเขา เขาสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาของเขา นี้คือเด็กน้อยจริงๆ เขาสามารถตัดเนื้อมังกรออกจากกันได้?
หลินหมิงกระทำได้อย่างสง่างาม บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เส้นเอ็นอาจจะขัดขวางการผ่าของเขา เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการลงมือตัดเนื้อมังกรสัตว์เป็นชิ้น ชิ้นส่วนของเนื้อแถวซี่โครงถูกวางแยกไว้ ส่วนเหล่านี้เป็นส่วนที่มีคุณค่ามากที่สุดของเนื้อมังกรสัตว์ ความยาวของกระดูกซี่โครงเหล่านี้มีความสอดคล้องกันทั้งหมด แสดงให้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวที่เสียเปล่าในการลงมือ
ฉากนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ อย่างกับว่าหลินหมิงได้ทำมันอย่างง่ายดาย แต่ทุกคนที่นี่รู้ว่า เนื้อมังกรสัตว์เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ประมาณห้าคนที่แข็งแกร่งในการทำงานประสานงานกันประมาณครึ่งวัน แต่เจ้าเด็กนี่มีเพียงแค่ใบหน้าสีแดงเล็กน้อยหลังจากเสร็จสิ้นงาน เมื่อได้เห็นเขาแล้วต่อให้ต้องตัดอีกสองสามอันก็ไม่เป็นปัญหา!
ในขณะที่เป็นเวลามืดคํ่าแล้ว ศาลาจันทร์กระจ่างก็ไม่ได้มีงานยุ่งมากนัก ทำให้สมาชิกหลายคนในห้องครัวได้ดูฉากเหล่านั้น หลินหมิงวางลงมีดและถาม “จะให้ข้าทำงานที่นี่ตอนนี้หรือไม่
ชั่วโมงการทำงานของข้าจะต้องไม่เกินสองชั่วโมงยาม (4 ชั่วโมง) และเงินเดือนรายเดือนของข้าห้าเหรียญทอง อีกหนึ่งอย่างข้าจำเป็นต้องมีอาหารและที่พัก
”
หญิงสาวครุ่นคิดเรื่องนี้สักครู่ก่อนที่จะพยักหน้า “ตามนั้น!”
เงื่อนไขหลินหมิงไม่ใช้น้อยๆ แต่มันก็คุ้มค่า ตัดสินโดยความเร็วหลินหมิงก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถทำได้ภายในเวลาสองชั่วโมง สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำงานของเขาที่มีประสิทธิภาพสูงก่อให้เกิดการสูญเสียน้อยมากในส่วนผสมที่สำคัญ
ดังนั้นหลินหมิงจึงได้เริ่มทำงานที่ศาลาจันทร์กระจ่าง อีกทั้งสองชั่วยามในการทำงานก็ไม่ใช้สิ่งเสียเปล่า เพราะมันก็เป็นรูปแบบหนึ่งของในฝึกฝนสำหรับเขา การชกลำต้นของต้นไม้เป็นรูปแบบของการฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่ง ในขณะที่การแร่เนื้อเป็นรูปแบบของการฝึกฝนความแม่นยำ
สำหรับคนสุดท้ายเขาก็เลือกอีกอย่าง เนื้อสัตว์ดุร้ายระดับสอง – ตัวนิ่มทองดำ สัตว์นี้ดุร้ายมีฟันที่สามารถบดขยี้ก้อนหินและสามารถเจาะผ่านภูเขาได้ราวเต้าหู้ เหตุผลที่เขาเลือกนี้ตัวนิ่งทองคำคือการบังคับให้ทะลุเกินขีดจำกัดของตัวเองไปได้
หลังจากตัดลงบนเนื้อ การทำงานของเขากลายเป็นเรื่องง่าย ใบมีดเลื่อนผ่านช่องว่างระหว่างกล้ามเนื้อของช่องท้อง ของตัวนิ่มทองดำ แต่ก็มีช่วงเวลาที่หลินหมิงรู้สึกว่าใบมีดถูกบล็อก มันให้ความรู้สึกราวกับว่ามีดใช้การไม่ได้
กระดูก? บริเวณหน้าท้องช่วงกลางไม่ควรมีกระดูก
หากที่ไม่หละ มันอาจจะเป็นหิน? ตัวนิ่มทองดำบางครั้งอาจกลืนก้อนหินลงไป แต่หินเหล่านั้นจะได้รับการบดไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้บดด้วยกรดที่มีประสิทธิภาพภายในกระเพาะอาหารซึ่งจะกัดเซาะมัน แม้หินขนาดใหญ่ที่ไม่อาจยังคงอยู่ภายในนั้นได้ หรืออาจจะเป็น …
แกนภายใน??
อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ หลินหมิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แกนภายในของชั้นดุร้ายระดับสอง สัตว์เป็นสิ่งที่มีค่า แม้ว่าเขาจะได้ไม่ขาย เขาจะกินมันเพื่อผลประโยชน์มากมายให้กับร่างกายของเขา
หลินหมิงสวมถุงมือ ดึงมันออกมาอย่างยากเย็นขณะที่หลีกเลี่ยงกรดในกระเพาะอาหารอย่างระมัดระวัง เมื่อมองมาที่มันหลินหมิงก็ได้แต่ผิดหวัง มันเป็นวัตถุทรงสี่เหลี่ยมเป็นตาราง ซึ่งนั่นหมายความว่ามันไม่ไช่แกนภายใน เพราะภายในมีรูปร่างเป็นทรงกลมทั้งหมด
จริงๆแล้วมันจะมีลักษณะเหมือนหิน แต่มีบางสิ่งที่แปลกประหลาดในหินก้อนนี้ …
ลูกบาศก์ก้อนสีเทาดูเหมือนจะได้รับการตัดอย่างประณีตด้วยมุมที่แม่นยำ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ผิวทั้งหกด้านของลูกบาศก์ที่ถูกสลักจารึกสีดำให้มันมีกลิ่นอายลึกลับ
โลหะ?
หลินหมิงตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง มันไม่ได้ดูเหมือนเป็นโลหะหรือหินเลย บางทีมันอาจจะเป็นหยกอย่างนั้นหรอ?
“พี่หมิง,พี่เป็นผู้รู้อย่างแท้จริง!” หลินเซี่ยวตงว่ากล่าวอย่างออกรสขณะที่พวกเขาเดินลงไปที่ถนน
หลินหมิงยังคงเงียบสงบ สิ่งที่เขาได้กล่าวฟังดูที่ยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ แต่มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะแซงจู้ยัน ปริมาณของความพยายามที่เขาจะต้องใช้นั้นมหาศาล
เขาไม่มีความกลัวในการทำงานหนักหรือขมขื่นแต่อย่างใด แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถกล่าวว่าสำหรับการบาดเจ็บภายใน สมุนไพรเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษาผู้บาดเจ็บและยารักษาโรคเหล่านั้นมีราคาแพงอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินเซี่ยวตงเองก็สามารถที่จะคาดเดาสิ่งที่หลินหมิงคิดและพูดว่า “พี่หมิงทั้งหมดที่พี่ต้องทำคือการฝึกซ้อมอย่างหนัก ส่วนทางด้านการเงินข้าคอยจะสนับสนุนพี่เอง เพียงแค่มีความมั่นใจในตัวเอง,แม้ว่าตำแหน่งของคุณปู่ของข้าในครอบครัวอาจไม่ได้สูงส่งแต่ก็ยังคงไม่มีอะไรที่จะเย้ยหยันได้ แค่เพียงไม่กี่ร้อยเหรียญทองคงไม่ได้สำคัญสำหรับเขา ”
หลินหมิงหยุดเดินและหันไปรอบๆ ก่อนที่จะเผชิญกับหลินเซี่ยวตง ในชีวิตมีเพื่อนหลายคนที่เป็นธรรม แต่ผู้ที่จะให้ความช่วยเหลือเขาในเวลาที่เขาต้องการนั้นหาได้ยาก ถึงแม้ระหว่างพี่น้องการขอบคุณอาจไม่จำเป็น แต่หลินหมิงยังคงหยุดและพูดด้วยนํ้าเสียงจริงจัง “เซี่ยวตง, ขอบคุณมาก”
“พอแค่นั้นเถอะ เพียงเท่านี้ก็มากเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนที่แสวงหามากในชีวิต การสอบเข้าสำนักเจ็ดแก่นแท้เป็นเพียงวิธีการที่จะปกป้องชื่อเสียงของพ่อข้า พี่หมิง, ข้าจะเดิมพันในตัวพี่ หลังจากที่พี่ได้กลายเป็นเสาหลักในอนาคตพี่จะต้องช่วยให้คนอื่นเทิดทูนข้าสักหน่อยฮ่า ๆ ๆ ๆ . ”
หลินหมิงยิ้มและหัวเราะ “แน่นอน! กับน้องชายอย่างเจ้า แน่นอนข้าเองก็ต้องอดทนในวิถีการแห่งต่อสู้. ”
เมื่อหลินหมิงกลับไปยังสถานที่ที่อยู่อาศัยของเขามันเป็นตอนเย็นแล้ว ห้องพักนี้เป็นห้องหนึ่งที่เคยถูกเปิดให้เช่า ในช่วงเวลานี้ตั้งแต่วันที่สำนักเจ็ดแก่นแท้เริ่มลงทะเบียนสำหรับการประเมินเข้าจนกว่าจะถึงวันของการประเมินตนทุกสถานที่ที่อยู่อาศัยภายในเมืองลิขิตนภา จะได้รับการบริการอย่างเต็มรูปแบบ อัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง ดังนั้นผู้สมัครจำนวนมากจะเลือกที่จะเช่าห้องพักที่อยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ถูกๆเอาเสียเลย
หลินหมิงได้เช่าห้องเดี่ยวเพียงสิบตารางเมตรในพื้นที่ที่ดูเรียบง่าย ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มต้นการทำสมาธิของเขาบนที่นอนมีคนมาเคาะประตู
หลินหมิงเปิดประตูเพื่อดูเจ้าของที่พักที่เป็นหญิงยืนอยู่ที่นั่น เจ้าของที่พักเป็นผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบปีที่มีร่างกายที่ค่อนข้างอ้วน ใบหน้าของเจ้าของที่พักแลดูรุนแรง แต่วันนี้เธอกำลังหยอกรอยยิ้มที่ดูน่ารื่นรมย์ก่อให้หลินหมิงจะรู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างผิดปกติ
“เจ้าของที่พัก ท่านมีอะไร?”
“นี่ … ท่านผู้เช่าข้าขอโทษ แต่เจ้าโปรดออกไปจากห้องนี้”.
“หะ?” หลินหมิงขมวดคิ้ว “ทำไม?”
“หึหึขอโทษนะ แต่ข้าได้เช่าห้องนี้แล้ว” เสียงอันรุนแรงของชายหนุ่มดังขึ้นมาขัดจังหวะ หลินหมิงหันไปรอบๆ และพบว่าคนที่มีใสต่างหูลิงขนาดใหญ่มาด้วยเดินมาจากห้องโถง ชายคนนี้ยิ้มในลักษณะที่ดูเหมือนขี้เล่น
เมื่อมองดูเขา หลินหมิงก็รู้ได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในลูกน้องที่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของจู้ยันพร้อมชายหนุ่มคนอื่นๆ ชายหนุ่มคนอื่นๆ ก็ยังคงเงียบเพียงมองไปที่หลินหมิงและหลินเซี่ยวตงด้วยท่าทีแสดงออกถึงการดูถูก
ไม่มีข้อสงสัย เขาต้องผู้ที่กำลังพยายามหาความดีความชอบจากจู้ยันด้วยการส่งสมุนของเขาเองมาสร้างปัญหาให้หลินหมิง ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็มีแค่เพิ่มค่าเช่าให้สูงขึ้นหลายเท่า เป็นธรรมดาที่เจ้าของที่พักจะบังคับไล่ให้เขาออกไป
ปัจจุบันสำนักเจ็ดแก่นแท้จัดงานลงทะเบียนที่นำไปสู่ความยากลำบากในการค้นหาสถานที่พักอาศัย การจะหาสถานที่อื่นเช่าเป็นเรื่องยาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าสมุนของจู้ยันจะไม่ตามไปก่อปัญหาให้เขาอีก
ใบหน้าหลินหมิงหนักแน่นและเขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่เจ้าของที่พัก “ตอนนั้นพวกเราได้เห็นพ้องกันว่าข้าจะได้เช่าเป็นเวลาห้าเดือน ข้าได้จ่ายเงินเป็นค่าเช่าห้าเดือนล่วงหน้าไปแล้ว ปัจจุบันยังคงมีเวลาอีกสามเดือนจนกว่าจะหมดสัญญา แต่เจ้าต้องการให้ข้าไปออกตอนนี้อย่างงั้นหรอ ”
เจ้าของที่พักหญิงยิ้มขอโทษ “นี่ … ธรรมดาที่ข้าจะตระหนักถึงเรื่องนี้และวิธีจัดการกับเรื่องนี้ เข้าจะคือเช่าสำหรับสามเดือนกลับคือให้เจ้าซะ ? ”
“อ่า! คืนค่าเช่าสามเดือน ‘? ช่างมีจิตใจเที่ยงธรรมซะเหลือเกิน! “ความโกรธหลินหมิงเริ่มเดือดขั้น หากเจ้าของที่พักนี้ถูกบังคับให้ขับไล่เขาเนื่องจากการกดดันของบุคคลอื่นแล้วหลินหมิงก็จะยอม แต่การกระทำของมันในปัจจุบันและคำพูดของมันที่ได้ทำให้เขาโกรธ
“เฮ้พวกเราพูดถึงการจ่ายคืน พวกเราได้พูดคุยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่ได้ลงนามลายลักษณ์อักษรในสัญญาไว้เป็นหลักฐาน สิทธ์ในการเลือกคนเช่ามันขึ้นอยู่กับข้าเท่านั้น! “เมื่อพิจารณาสถานะเมืองลิขิตฟ้าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรทั้งหมดเจ้าของทรัพย์สินที่นี่มีความรู้สึกในจิตใต้สำนึกที่เหนือกว่ากับพวกเขาทุกคนที่มาจากภายนอก พวกเขาจะมองลงมาในขณะที่พูดในโทนของความรังเกียจ นอกจากนี้ชายคนที่อยู่ข้างๆเธอเห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ส่งมาจากครอบครัวที่รํ่ารวยและมีฐานะดี เมื่อมีใครบางคนเช่นนี้สนับสนุนมัน เจ้าของที่พักจึงมีความกล้าหาญมากขึ้น
ตอนนี้คนที่มีลิงก็หัวเราะออกมาอย่างวางท่า “ถ้าแกเป็นยอมรับและออกไปในทันที ข้าจะบอกอะไรแกอย่างหนึ่ง ไม่ว่าแกจะจัดการหาสถานที่อื่นเช่าข้าก็จะยังคงสามารถที่จะไปไล่แกออกอยู่ดี ภายในสามเดือนก่อนการประเมินเข้าสำนักเจ็ดแก่นแท้จะเริ่มต้นแกก็ควรจะไปนอนหลับอยู่บนถนนฮ่าฮ่า! ”
สำหรับผู้ที่เกิดในตระกูลของชนชั้นสูงมันเป็นเพียงธรรมชาติสำหรับพวกเขาที่จะสร้างความรู้สึกที่เหนือกว่าและหยิ่ง อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาได้แสดงความเย่อหยิ่งของพวกเขาพวกเขาจะยังคงรักษาท่าทีในการพูดกับคนอย่างจู้ยัน คนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าได้เผยให้เห็นรูปแบบที่เปลือยเปล่าของความเย่อหยิ่งของผู้ที่จะรังเกียดบางคนเพราะคนอื่นรังเกียด
หลินหมิงจ้องมองมาที่คนที่ใสต่างหูลิง ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสายตาที่เย็นชาอย่างไม่สนใจช่วงเวลาที่ผ่านมา
“มองหาอะไรของแก? กำลังคิดจะสู้กับข้า? จะบอกอะไรให้นะ นายน้อยของข้าเป็นลูกคนที่สองของแม่ทัพแห่งเมืองลิขิตฟ้า ถ้าแกกล้าทำร้ายข้า เขาจะต้อง … ”
“ไปซะ!” หลินหมิงตะโกนและออกหมัดอย่างรุนแรงใส่ไปที่จมูกของมัน “ปัก” มันลอยออกไปด้วยเสียงกระแทก หลังจากนั้นชายคนนั้นพูดบนกองเศษเฟอร์นิเจอร์ที่หักและกระถาง ผมของเขากระเซิงและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหยดเลือด
ด้วยความสามารถของหมัดที่สะเทือนต้นไม้เหล็กได้ คนที่หลงโดนเข้าไปเต็มที่หน้า ผลที่ได้รับอาจคิดไม่ถึง จมูกของชายคนนั้นทั้งหมดจมเข้าไป
กลายเป็นเจ้าของที่พักหญิงที่ตกใจ ดวงตาของมันโป่งออกก่อนที่จู่ๆ ก็ตะโกนออกมาอย่างน่าสังเวช “ช่วยด้วย! ฆาตกรรม! ”
เจ้าของที่ดินหญิงรีบหนีออกไป แต่ด้วยขาที่เต็มไปด้วยไขมันของมันจึงไม่สามารถที่จะไปได้ไกลนักและมันล้มลงบนพื้นดัง”พร็อบ”
หลินหมิงก้าวไปหาคนที่ใส่ต่างหูลิง แม้ว่าขั้นตอนแรกของการฝึกอบรมทางกายภาพเป็นเพียงดินแดนเริ่มต้นของการต่อสู้มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ค่า หลังจากที่คนจำนวนมากที่อยู่ในอาณาจักรลิขิตฟ้า ไม่สามารถที่จะฝึกอบรมในศิลปะการต่อสู้ ในทางกลับกันหลินหมิงที่มีความสามารถที่ดีที่ขั้นเริ่มต้น นอกจากนี้เขายังฝึกหนักอย่างมาก ในหนึ่งพันคนที่มีความสามารถระดับเดียวกับเขา ก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่มีซักคนที่มีความแข็งแรงเท่าเขา ใน
ฐานะที่ชายคนนี้เขาเป็นเพียงลูกสมุนและไม่ได้ใช้ความพยายามมากสำหรับหลินหมิงที่จะจัดการกับเขา
มันเก็บเสียครางเอาไว้อย่างไม่เคยคิดว่าหลินหมิงจะกล้าทำเช่นนี้ มันยกนิ้วเปื้อนเลือดและชี้ไปที่หลินหมิง “แก … แกกล้าทำร้ายข้า… แกเสร็จแน่”
“ข้าไม่รู้สิ่งใดจะเกิดขึ้นกับข้า แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเสร็จไปแล้ว” หลินหมิงเตะไปที่หน้าท้องของชายคนนั้นทำให้มันร้องไห้ออกมาอย่างน่าสังเวช อีกครั้งและอีกครั้ง เวลานี้ยากจะผ่านประตูออกไปและจบลงด้วยการถูกเตะออกไป
หลินหมิงไม่ได้พูดอะไร เขากลับไปที่ห้องของเขาและเก็บข้าวของของเขาและเริ่มที่จะจากไป บ้านทั้งหลังพังเละทำให้เจ้าของที่พักเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ มันกล่าวว่าเหนียม “แก …แกจะไปอย่างนั้นไม่ได้ … แก … แกต้องชดใช้.”
หลินหมิงหยุดเดินเขาหันกลับมาเผชิญกับเจ้าของที่ล้มลงบนพื้นเหมือนก้อนเนื้อ เขาถาม. “ชดใช้?”
“ชดใช้ แกต้องชดใช้ … … ” เสียงของเจ้าของที่พักเริ่มสูญเสียความแข็งแรง มันรู้สึกราวกับว่าสายตาของชายหนุ่มคนที่เธอเห็นเป็นเหมือนหน้าต่างเข้าไปสู่เหวนรกที่ทำให้เธอตัวสั่น
โดยไม่ได้พูดอะไร หลินหมิงเจาะผนังด้วยกำปั้นของเขาทะลุผ่านกำแพงอิฐของบ้านทำให้บ้านทั้งหลังสั่นและเกิดฝุ่นละอองจะตกมาจากเพดาน เจ้าของที่พักกรีดร้องออกมาและเป็นลมไป
หลินหมิงสะพายกระเป๋าเดินทางของเขาและเดินออกจากบ้านโดยไม่เหลี่ยวแลคนที่เป็นลม
หลินหมิงก็รู้ดีว่าหลังจากที่จัดการชายคนนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปและแน่นอนว่าจะนำพาปัญหามาให้ แต่หลินหมิงก็ไม่มีความเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป
ในฐานะที่เป็นคน จำเป็นที่จะต้องอดทน ถ้าคนที่มาในวันนี้มีศิลปะการต่อสู้ หลินหมิงจะไม่ทำอะไรเขาทำและจะได้เลือกที่จะทน การสูญเสียนี้เป็นสิ่งคนหนึ่งที่จะต้องทน อย่างไรก็ตามการปรากฏออกมาก่อนของสมุนไร้ค่าคนหนึ่งที่ได้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของเจ้านายของมัน หากหลินหมิงต้องทนสิ่งที่มันผู้นั้นได้กล่าวแล้วสิ่งที่เป็นจุดประสงค์แห่งวิถีการต่อสู้จะเหลืออะไร?
มันเป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้กับวิธีการต่อสู้ภายในหัวใจของหลินหมิง
ดังนั้นหลินหมิง เลือกไปอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง หลังจากที่ในขณะที่เขาสะพายกระเป๋าเป้บนหลังของเขาและเริ่มการพิจารณาวิธีการที่จะแก้ปัญหาเรื่องอยู่อาศัยของเขา ณ ตอนนี้ที่พักขนาดเล็กทั้งหมดต่างก็เต็มหมดแล้ว นอกจากนี้ราคาก็ยังเป็นราคาที่แพงเกินไปสำหรับเขา แม้จะไม่มีใครคัดค้านหากเขาจะหลับนอนในป่า หลินเซี่ยวตงอาจจะเอะอะโวยวายและยืนยันที่จะนำเขาไปอยู่ด้วย
หากหลินหมิงทำเช่นนั้นและลูกชายคนที่สองของชายคนนั้นส่งกองทัพมา อาจทำให้หลินเซี่ยวตงเองไม่สามารถอยู่อย่างเป็นสุขในบ้านของเขา เขาอาจยังต้องมาหลับนอนอยู่บนท้องถนนพร้อมกับหลินหมิง
ยิ่งกว่านั้น หลินหมิงอาจเป็นตัวปัญหาที่อันตราย ไม่มีการรับประกันว่าลูกชายคนที่สองของมันจะไม่ส่งกองทัพอันธพาลมา ในสายตาของคนเหล่านี้ที่มองคนอื่นๆ การทำให้กลายเป็นคนพิการไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย หลินหมิงไม่ได้ต้องการที่จะนำเรื่องเช่นนี้มาเป็นปัญหาให้หลินเซี่ยวตง
เมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วเขาจะไปที่ไหน?
หลังจากใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้ในที่สุดหลินหมิงคิดได้สถานที่ -นั้นคือ สถานประกอบการอาหารที่หรูหราที่สุดในเมืองลิขิตฟ้า – ศาลาจันทร์กระจ่าง
ที่ศาลาจันทร์กระจ่างมีทั้งหมดลูกค้าชั้นสูงส่ง พวกเขานั้นมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยเช่นฐานะที่แข็งแกร่งนั้น การเป็นลูกชายคนที่สองที่เป็นกองทัพกลาโหมไม่สามารถทำอะไรได้
เหตุผลหลินหมิงเลือกที่จะไปศาลาจันทร์กระจ่างนั้นเห็นได้ชัดว่าจะเขาจะไม่จ่ายเงินในการเช่าสถานที่พัก เขากำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อหางานทำ พ่อแม่หลินหมิงทำงานร้านอาหารทำให้หลินหมิงจะสามารถปรุงรสชาติอาหารของเขาออกมาได้ดีมากเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้มั่นใจพอที่จะคิดว่าเขาสามารถแข่งขันกับพ่อครัวผู้ที่อยู่ในเมืองลิขิตฟ้าได้ เพราะความชอบของเขาไม่ได้อยู่ในเรื่องการปรุงอาหาร …
…
ศาลาจันทร์กระจ่างยังคงสว่างสดใสในขณะที่หลินหมิงมาถึง มันเป็นสถานประกอบการที่มีธุรกิจที่ดีที่สุดในเมืองลิขิตฟ้า
หลินหมิงในชุดที่เป็นธรรมดาเกินไป ทำให้ทุกคนที่เห็นเขาเดินเข้าสู่สถานประกอบการ มองไปที่เขาด้วยสีหน้าแปลกใจ คนที่มีใส่เสื้อผ้าเช่นนั้นมักจะไม่อาจที่รับประทานในศาลาจันทร์กระจ่างนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ว่าหลินหมิงเป็นเด็กวัยสิบห้าปี
แต่พวกบริกรก็ยังทำตัวเป็นกันเองกับเขาแล้วเดินมาถามถาม “น้องชายตัวน้อย หลงกับพ่อแม่หรือป่าว?”
หลินหมิงส่ายหัวและตอบว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อหางาน.”
ได้ยินดังนั้นบริกรก็ขมวดคิ้ว ด้วยงานของพวกเขา เด็กสิบห้าปีจะทำได้อย่างไร นี่ต้องการสาวงามอายุอย่างน้อยสิบแปดปีหรือหนุ่มหล่อที่มีอายุอย่างน้อยยี่สิบปีในฐานะที่เป็นผู้ช่วยปรุงอาหาร เด็กสิบห้าปีสามารถปรุงอาหารอะไรได้?
“ไปให้พ้นอย่าก่อให้เกิดความวุ่นวายที่นี่” บริกรโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์
“ข้าสามารถทำงานได้เพียงแค่ให้ข้าเข้าไปในห้องครัว”
บริกรถามอย่างหัวเสีย “อย่างเจ้าจะไปทำอะไรได้?”
หลินหมิงยิ้มและตอบว่า “หั่นเนื้อไร้กระดูก”
“มันคืออะไร” กลายเป็นบริกรที่ตะลึง
การหั่นเนื้อไร้กระดูก เป็นเส้นทางการทำอาหารอย่างหนึ่งและไม่ได้ทุกร้านอาหารจะทำได้ งานนี้ต้องตัดแต่งเนื้อเป็นชิ้นขณะที่ถอดออกจากกระดูก
การตัดแต่งเนื้อเมื่อชำนาญจะตัดเนื้อวัวได้อย่างง่ายดายและด้วยทักษะการตัดแต่งเนื้อนี้ยังเมื่อใช้กับเนื้อวัวกว่าจะจำเป็นต้องเปลี่ยนมีดอาจใช้เวลาเป็นปีๆ สำหรับบางคนการตัดเนื้อวัว
จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนมีดของพวกเขาในทุกๆเดือน นอกจากยังอาจต้องใช้เวลานานถึงครึ่งวันสำหรับวัวตัวหนึ่ง
สำหรับจันทร์กระจ่างวัตถุดิบของพวกเขาไม่ได้ใช่เนื้อวัว แต่เป็นเนื้อสัตว์ดุร้าย เนื้อของสัตว์ดุร้ายอร่อยมาก เป็นที่ต้องการลิ้มลองของผู้คน, ผิวหนัง กระดูกและเส้นเอ็นจะเหนี่ยวเป็นพิเศษ คนธรรมดาจะต้องเสียเวลาอันยาวนานเพียงเพื่อตัดมันออกเป็นส่วนๆ ในทางกลับกันผู้มีศิลปะการต่อสู้ก็ไม่เต็มใจที่จะลดตัวมาทำงานเช่นนี้ แม้ว่าพวกเขายินดีที่จะทำ คนที่ไม่เข้าใจเรื่องของกล้ามเนื้อ กระดูกและเส้นเอ็นทั้งสามเรื่องจะไม่สามารถที่จะทำมันได้ หากใช้ความแข็งแรงเพียงอย่างเดียวเดียวในกระบวนการตัดขึ้นจะทำให้เกิดการสูญเสียรสแห่งความชาติอร่อย
การหั่นเนื้อไร้กระดูกคือวิธีหนึ่งที่หลินหมิงได้นำมาเป็นพื้นฐานของการต่อสู้ ภายในร้านอาหารของพ่อแม่ เขาได้รับการฝึกฝนตัวเองในกระบวนการหั่นเนื้อไร้กระดูกทุกวันเป็นเวลากว่าสิบปี
มันเป็นงานที่เหนื่อยมาก! หลินหมิงไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะในวิธีการต่อสู้ ทั้งหมดที่เขาทำได้ดังปัจจุบันเพราะการฝึกอย่างหนักของเขาเองและการฝึกทบทวนอย่างต่อเนื่องซํ้าแล้วซํ้าอีก นั่นคือวิธีที่เขาทำเพื่อสร้างรากฐานการต่อสู้ให้เป็นจุดแข็งของเขา ด้วยการจับมีดเฉือน เฉือน เฉือนซํ้าแล้วซํ้าอีกภายในห้องครัว
ขณะนี้บริกรนั้นไม่สามารถที่จะไล่หลินหมิงออกไปได้อีก และได้นำเขาไปยังห้องครัว …
“พี่สาวลาน น้องชายคนเล็กนี้ต้องการที่จะเป็นคนงานแร่เนื้อ”
“คนงานแร่เนื้อ?” ภายในห้องครัวขอศาลาจันทร์กระจ่าง มีผู้หญิงสาวสวยในวัยยี่สิบ เธอสวมใส่ชุดสวยมองมาที่หลินหมิง สังเกตเสื้อผ้าธรรมดาบนร่างกายและกระเป๋าเป้สะพายบนหลังของเขา ให้ความรู้สึกดังเช่นผู้ลี้ภัย เธอขมวดคิ้ว จากนั้นเธอก็พูดในลักษณะที่ไม่พอใจต่อการบริกรที่นำหลินหมิงมา “เจ้ากำลังทำอะไร บังอาจนำใครเข้ามาในห้องครัว ดงซึย ให้เงินมันซักหน่อยและไล่เขามันไปซะ ”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวงามผู้นี้เห็นว่าหลินหมิงเป็นแค่เด็ก ในฐานะที่เป็นบริกรเมื่อถูกตำหนิใบหน้าของเขาก็ขมขื่น ตามความเป็นจริงเขาได้พยายามที่จะผลักดันหลินหมิงออก แต่เมื่อค้นพบว่าหลินหมิงดูเหมือนจะแข็งแรงและใช้งานได้
ชายหนุ่มจึงพยายามพาหลินหมิงออกไป อย่างไรก็ตามในขณะนี้เขาก็รู้สึกว่ามือของเขาไม่มีแรงพอจะทำได้ เขาจ้องมองในมือหลินหมิงด้วยความสับสน มือนั้นได้ถือมีดของเขาไว้อย่างเหนี่ยวแน่น
ก่อนที่ชายคนที่ชื่อดงซึย สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นหลินหมิงกล่าวว่า “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอเงิน พี่สาวยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจหลังจากได้เห็นฝีมือของข้า ”
หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปรากฏว่านี้เด็กน้อยมีประสบการณ์บางอย่างในฝีมือการทำอาหาร เธอมองไปดงซึยและกล่าวว่า “ไร้ประโยชน์เสียจริง เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับเด็กน้อย ไปที่โกดังและนำเนื้อหมูยักษ์มา “หลังจากนั้นเธอหันไปที่หลินหมิงและกล่าวว่า “ถ้าเจ้าสามารถทำเสร็จได้ในช่วงครึ่งชั่วโมงยาม (1 ชั่วโมง) แล้วข้าจะช่วยให้เจ้าได้ที่อยู่ในศาลาจันทร์กระจ่าง”
ดงซึย รู้ว่าเขาเสียหน้าและรีบประเจิดประเจ้อไปนำหมูขนาดยักษ์มา แต่หลินหมิงเขาขัดจังหวะ “ไม่จำเป็นผมจะแสดงให้ดูกับเนื้อชนิดอื่น”
หลินหมิงกล่าวว่าในขณะที่เขาชี้ไปที่ส่วนสิ่งมีชีวิตสายพันธ์มังกร
หญิงสาวประหลาดใจ เนื้อมังกรสัตว์ดุร้ายสัตว์ระดับสอง ชั้นของร่างกายจะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อเหล่านี้เป็นแข็งแกร่งอย่างมากและสามารถต้านทานการโจมตีปกติด้วยดาบได้ อย่างไรก็หากใส่สมุนไพรบางอย่างต้มเนื้อให้เดือดปุดๆ สามวันสามคืนจะได้ซุปที่มีรสชาติอร่อย
สำหรับเนื้อสัตว์ดุร้ายเช่นนั้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ก็ยากที่จะตัดมัน เด็กคนนี้บ้าไปแล้ว
“ล้อเล่นอะไรของเจ้า? นี้เนื้อมังกรเป็นมูลค่ากว่าร้อยเหรียญทอง เจ้าต้องตกลงที่จะจ่ายเงินให้ข้าถ้าหากว่าเจ้าทำมันเสียหาย “ดงซึย พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ เขายังคงไม่สบายใจที่หลินหมิงมีมีดของเขา
หญิงสาวตะคอกออกมา”ถ้าข้าให้เจ้าทำลายมัน, เจ้าคิดว่าเจ้ามีวิธีที่จะทำลายมันได้?”
ดงซึยก็พบว่าตัวเขาเองไร้ประโยชน์ที่จะพูด เนื้อมังกรไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับหมู, วัวหรือแกะ คนธรรมดาจะไม่สามารถที่จะทำลายเกล็ดของมันได้ แม้จะใช้มีดมันก็ไม่ใช่สิ่งที่คนปกติสามารถจะกระทำได้
หญิงคนนั้นหันไปเผชิญหน้าหลินหมิงและกล่าวว่า “ข้าจะให้เจ้าได้ลงมือ!”
หลินหมิงพยักหน้าและหยิบมีดแร่เนื้อที่ดีที่สุดในห้องครัว เขาเคยได้ผ่าครึ่งเนื้อมังกรเพียงสองครั้ง; ทั้งสองครั้งเกิดขึ้นในช่วงวันเกิดของบุคคลสำคัญในตระกูลหลิน หลังจากนั้นเนื้อดุร้ายสัตว์ไม่ได้ยากที่คนทั่วไปสามารถจะหาซื้อได้
หลินหมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ลูบเกล็ดของมังกรอย่างระมัดระวัง รับรู้ถึงตำแหน่งของหลอดเลือดดำของมัน กระบวนการนี้เกิดขึ้นในเวลาธูปไหม้หมดดอก ในใจของเขาเขากลายแผนภาพของหลอดเลือดดำที่เปรียบเสมือนเป็นลายบนฝ่ามือของเขาเอง ก่อนจะยืนยันว่ามันจะถูกต้อง
ในขณะที่รอ บางคนถึงกับทนไม่ไหวและถามในที่สุด “เจ้ากำลังทำอะไร? ทำไมคุณลงมือเสียที? ”
“หยุดทำลับๆล่อๆและลงมือตัดมันซะ”
มันเป็นเพียงธรรมดาที่คนเหล่านี้ก็จะรอไม่ไหว วัยรุ่นสิบห้าปีที่อ้างว่าสามารถแร่เนื้อสัตว์ดุร้ายระดับสอง มันจะดูเหมือนจะเป็นการเล่นตลกกับพวกเขา
หลินหมิงได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาหยิบมีดขึ้นมา ตาของเขากลายเป็นที่มุ่งเน้นมากด้วยสามธิ สำหรับเขาแล้วกระบวนการ แร่เนื้อได้เทียบเท่ากับการฝึกอย่างหนึ่ง
หลังจากที่แน่ใจในแผนภาพของหลอดเลือดดำแล้ว ในที่สุดก็เริ่มลงมือ เขาไม่ได้ใช้ขวานหรือใบมีดขนาดใหญ่ เขาเพียงใช้แค่มีธรรมดาควงไปมา
ในมือของหลินหมิง มีดธรรมดานี้กลายเป็นอาวุธที่คมเป็นพิเศษ มีดพุ่งลงมาและเนื้อมังกรสัตว์ถูกตัดออกจากกัน!
เมื่อได้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ บุคคลเคยที่ได้พูดกล่าวหาเงียบไปในทันที ด้วยความสำเร็จนี้เพียงอย่างเดียวจะต้องมีความแข็งแรงข้อมืออย่างน้อยสามร้อยจิน (181.4 กิโลกรัม) สำหรับพวกเขาการนี้ปกติจำเป็นจะต้องใช้ทั้งขวานและเลื่อย
ใบมีดตัดผ่านช่องว่างในหลอดเลือดดำ ตัดผ่านมันไปได้อย่างราบรื่นราวกับว่าเขาได้ตัดผ่านกระดาษอยู่ ทุกคนจะสามารถได้ยินเสียง”ชูว ชูว ” ก่อนจะพบกล้ามเนื้อมังกรสีขาว
เมื่อมองดูวิธีการที่ง่ายดายของหลินหมิงที่ คนที่ถูกเรียกว่าดงซึย ลูบตาของเขา เขาสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาของเขา นี้คือเด็กน้อยจริงๆ เขาสามารถตัดเนื้อมังกรออกจากกันได้?
หลินหมิงกระทำได้อย่างสง่างาม บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เส้นเอ็นอาจจะขัดขวางการผ่าของเขา เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการลงมือตัดเนื้อมังกรสัตว์เป็นชิ้น ชิ้นส่วนของเนื้อแถวซี่โครงถูกวางแยกไว้ ส่วนเหล่านี้เป็นส่วนที่มีคุณค่ามากที่สุดของเนื้อมังกรสัตว์ ความยาวของกระดูกซี่โครงเหล่านี้มีความสอดคล้องกันทั้งหมด แสดงให้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวที่เสียเปล่าในการลงมือ
ฉากนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ อย่างกับว่าหลินหมิงได้ทำมันอย่างง่ายดาย แต่ทุกคนที่นี่รู้ว่า เนื้อมังกรสัตว์เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ประมาณห้าคนที่แข็งแกร่งในการทำงานประสานงานกันประมาณครึ่งวัน แต่เจ้าเด็กนี่มีเพียงแค่ใบหน้าสีแดงเล็กน้อยหลังจากเสร็จสิ้นงาน เมื่อได้เห็นเขาแล้วต่อให้ต้องตัดอีกสองสามอันก็ไม่เป็นปัญหา!
ในขณะที่เป็นเวลามืดคํ่าแล้ว ศาลาจันทร์กระจ่างก็ไม่ได้มีงานยุ่งมากนัก ทำให้สมาชิกหลายคนในห้องครัวได้ดูฉากเหล่านั้น หลินหมิงวางลงมีดและถาม “จะให้ข้าทำงานที่นี่ตอนนี้หรือไม่
ชั่วโมงการทำงานของข้าจะต้องไม่เกินสองชั่วโมงยาม (4 ชั่วโมง) และเงินเดือนรายเดือนของข้าห้าเหรียญทอง อีกหนึ่งอย่างข้าจำเป็นต้องมีอาหารและที่พัก
”
หญิงสาวครุ่นคิดเรื่องนี้สักครู่ก่อนที่จะพยักหน้า “ตามนั้น!”
เงื่อนไขหลินหมิงไม่ใช้น้อยๆ แต่มันก็คุ้มค่า ตัดสินโดยความเร็วหลินหมิงก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถทำได้ภายในเวลาสองชั่วโมง สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำงานของเขาที่มีประสิทธิภาพสูงก่อให้เกิดการสูญเสียน้อยมากในส่วนผสมที่สำคัญ
ดังนั้นหลินหมิงจึงได้เริ่มทำงานที่ศาลาจันทร์กระจ่าง อีกทั้งสองชั่วยามในการทำงานก็ไม่ใช้สิ่งเสียเปล่า เพราะมันก็เป็นรูปแบบหนึ่งของในฝึกฝนสำหรับเขา การชกลำต้นของต้นไม้เป็นรูปแบบของการฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่ง ในขณะที่การแร่เนื้อเป็นรูปแบบของการฝึกฝนความแม่นยำ
สำหรับคนสุดท้ายเขาก็เลือกอีกอย่าง เนื้อสัตว์ดุร้ายระดับสอง – ตัวนิ่มทองดำ สัตว์นี้ดุร้ายมีฟันที่สามารถบดขยี้ก้อนหินและสามารถเจาะผ่านภูเขาได้ราวเต้าหู้ เหตุผลที่เขาเลือกนี้ตัวนิ่งทองคำคือการบังคับให้ทะลุเกินขีดจำกัดของตัวเองไปได้
หลังจากตัดลงบนเนื้อ การทำงานของเขากลายเป็นเรื่องง่าย ใบมีดเลื่อนผ่านช่องว่างระหว่างกล้ามเนื้อของช่องท้อง ของตัวนิ่มทองดำ แต่ก็มีช่วงเวลาที่หลินหมิงรู้สึกว่าใบมีดถูกบล็อก มันให้ความรู้สึกราวกับว่ามีดใช้การไม่ได้
กระดูก? บริเวณหน้าท้องช่วงกลางไม่ควรมีกระดูก
หากที่ไม่หละ มันอาจจะเป็นหิน? ตัวนิ่มทองดำบางครั้งอาจกลืนก้อนหินลงไป แต่หินเหล่านั้นจะได้รับการบดไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้บดด้วยกรดที่มีประสิทธิภาพภายในกระเพาะอาหารซึ่งจะกัดเซาะมัน แม้หินขนาดใหญ่ที่ไม่อาจยังคงอยู่ภายในนั้นได้ หรืออาจจะเป็น …
แกนภายใน??
อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ หลินหมิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แกนภายในของชั้นดุร้ายระดับสอง สัตว์เป็นสิ่งที่มีค่า แม้ว่าเขาจะได้ไม่ขาย เขาจะกินมันเพื่อผลประโยชน์มากมายให้กับร่างกายของเขา
หลินหมิงสวมถุงมือ ดึงมันออกมาอย่างยากเย็นขณะที่หลีกเลี่ยงกรดในกระเพาะอาหารอย่างระมัดระวัง เมื่อมองมาที่มันหลินหมิงก็ได้แต่ผิดหวัง มันเป็นวัตถุทรงสี่เหลี่ยมเป็นตาราง ซึ่งนั่นหมายความว่ามันไม่ไช่แกนภายใน เพราะภายในมีรูปร่างเป็นทรงกลมทั้งหมด
จริงๆแล้วมันจะมีลักษณะเหมือนหิน แต่มีบางสิ่งที่แปลกประหลาดในหินก้อนนี้ …
ลูกบาศก์ก้อนสีเทาดูเหมือนจะได้รับการตัดอย่างประณีตด้วยมุมที่แม่นยำ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ผิวทั้งหกด้านของลูกบาศก์ที่ถูกสลักจารึกสีดำให้มันมีกลิ่นอายลึกลับ
โลหะ?
หลินหมิงตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง มันไม่ได้ดูเหมือนเป็นโลหะหรือหินเลย บางทีมันอาจจะเป็นหยกอย่างนั้นหรอ?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น